Wednesday, 22 March 2023

นักวิจัยค้นพบว่ามลพิษทางอากาศนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งปอดได้อย่างไร

นักวิจัยศึกษาและทำการค้นพบว่ามลพิษทางอากาศนำไปสู่การเกิด โรคมะเร็งปอด ได้เช่นไร ซึ่งถือเป็นการศึกษาและทำการค้นพบที่เปลี่ยนความรู้ความเข้าใจถึงการเกิดขึ้นของเนื้องอก โดยยิ่งไปกว่านั้นในคนที่ไม่เคยแม้แต่จะดูดบุหรี่เลย

เมื่อเดือน ก.ย. ทีมงานวิจัยสถาบันฟรานซิส คริก ในกรุงลอนดอน ระบุว่า มลพิษทางอากาศก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้จริง แม้ในคนที่ไม่ดูดบุหรี่ ด้วยการกระตุ้นหรือปลุกเซลล์เก่าๆที่เสียหายขึ้นมา มากกว่าการผลิตความย่ำแย่ให้เซลล์ ตามความเชื่อเดิม

หนึ่งในผู้ที่มีความชำนาญระดับนานาชาติเป็นศ.จ. ชาร์ลส์ สแวนตัน ระบุว่า การศึกษาและทำการค้นพบดังที่กล่าวถึงแล้วทำให้แวดวงแพทย์ “เข้าสู่สมัยใหม่” และบางทีอาจนำไปสู่การพัฒนาตัวยา เพื่อยับยั้งโรคมะเร็งไม่ให้ก่อตัวขึ้น

ความเสี่ยงเกิดมะเร็งปอด

โรคมะเร็งปอด โดยปกติแล้ว การก่อตัวของโรคมะเร็งจะกำเนิดเป็นลำดับขั้นตอนเป็นเริ่มจากเซลล์ที่แข็งแรง

และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆเกิดการกลายพันธุ์ในระดับสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ จนถึงจุดที่แปลงเป็นเซลล์ไม่ปกติ สู่เซลล์ของโรคมะเร็ง และเติบโตอย่างควบคุมไม่ได้

แต่แนวคิดการเกิดโรคมะเร็งแบบนี้ มีปัญหา เนื่องจากว่าการกลายพันธุ์เป็นเซลล์ของโรคมะเร็งได้เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อที่แข็งแรง แต่กลับแปลงเป็นว่าตัวการของโรคมะเร็ง รวมทั้งมลพิษทางอากาศ ไม่ได้สร้างความย่ำแย่ต่อดีเอ็นเอ แม้กระนั้นเป็นการกระตุ้นเซลล์ที่เสียหายให้กลับมาทำงานอีกครั้งมากกว่า

ศ.จ. สแวนตัน ระบุว่า “การเสี่ยงกำเนิดมะเร็งปอดจากมลพิษทางอากาศ มีน้อยกว่าการดูดบุหรี่ แม้กระนั้นเนื่องจากว่ามนุษย์ควบคุมการหายใจของตนเองไม่ได้ และทั่วทั้งโลก ผู้คนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศมากขึ้นกว่า การดมสารเคมีที่เป็นพิษจากควันจากบุหรี่”

แล้วเกิดอะไรขึ้น?

นักวิจัยซึ่งทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน หรือยูซีแอล ได้ศึกษาและทำการค้นพบหลักฐานถึงแนวคิดใหม่ถึงการเกิดโรคมะเร็ง โดยยิ่งไปกว่านั้นในบุคคลที่ไม่ดูดบุหรี่ โดยระบุว่า ที่จริงแล้ว ความย่ำแย่ได้ฝังตัวอยู่ในดีเอ็นเอของเซลล์ ในระหว่างที่เราเติบโตและแก่มากขึ้น

มลพิษทางอากาศ

แม้กระนั้นจะต้องมีสิ่งที่มากระตุ้นความทรุดโทรมในดีเอ็นเอของเซลล์ก่อน มันถึงจะกลายเป็นเซลล์ของโรคมะเร็งได้

การศึกษาและทำการค้นพบนี้ มาจากการวิเคราะห์ว่าทำไมบุคคลที่ไม่ดูดบุหรี่ถึงเป็นโรคมะเร็งปอด แน่นอนว่า ต้นเหตุจำนวนมากของคนป่วยมะเร็งปอดมาจากการสูบบุหรี่ แม้กระนั้นก็พบว่า 1 ใน 10 ของคนป่วยมะเร็งปอดในสหราชอาณาจักร เกิดจากมลพิษทางอากาศ

ทีมงานวิจัยของสถาบันฟรานซิส คริก ให้ความใส่ใจกับอนุภาคฝุ่นผงหลังเที่ยงวัน 2.5 (PM 2.5) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของผู้คน

และเมื่อจัดการทดสอบในสัตว์และมนุษย์โดยละเอียด พวกเขาพบว่า สถานที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง จะพบคนป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ได้มีต้นเหตุที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ในสัดส่วนที่มากขึ้น

โดยเมื่อสูดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เข้าไปในร่างกาย จะกระตุ้นให้หลั่ง “อินเทอร์ลิวคิน 1 เบตา” ออกมา เป็นการตอบสนองทางเคมี จนกระทั่งนำไปสู่อาการอักเสบ จนกระทั่งร่างกายจะต้องกระตุ้นเซลล์ในปอดให้เข้ามาซ่อมแซม

แต่เซลล์ปอดนั้น ทุกๆ600,000 เซลล์ ในบุคคลอายุราว 50 ปี จะมีอย่างต่ำหนึ่งเซลล์ ที่สุ่มมีความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์เป็นเซลล์ของโรคมะเร็งได้ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายจะกำเนิดเซลล์ที่สุ่มเสี่ยงนี้ เมื่อมนุษย์อายุมากขึ้น แต่เซลล์จะยังดูแข็งแรงอยู่ ตราบจนกระทั่งจะถูกกระตุ้นให้กลายพันธุ์

การศึกษาและทำการค้นพบที่สำคัญยิ่งกว่าเป็นนักวิจัยสามารถยับยั้งการก่อมะเร็งในหนูที่ปล่อยให้พบเจออยู่ในสภาพการณ์มลพิษทางอากาศ ด้วยการใช้ตัวยาเพื่อยับยั้งการโต้ตอบทางเคมีดังที่กล่าวถึงแล้ว คำตอบจึงถือเป็นการศึกษาและทำการค้นพบครั้งใหญ่ 2 ครั้งซ้อนคือเพิ่มความรู้ความเข้าใจถึงผลกระทบของมลพิษทางอากาศ และวิธีการกำเนิดโรคมะเร็งในร่างกาย

ดร. เอมิเลีย ลิม หนึ่งในผู้วิจัย ซึ่งประจำอยู่ที่คริกและยูซีแอล ระบุว่า โดยปกติแล้ว บุคคลที่ไม่เคยดูดบุหรี่เลย แต่กลับเป็นโรคมะเร็งปอด มักจะไม่รู้ถึงต้นเหตุ

“ด้วยเหตุผลดังกล่าว การให้เบาะแสพวกเขาถึงต้นเหตุการเกิดโรคมะเร็ง จึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก” และ “ยิ่งสำคัญมากขึ้น เมื่อประชากร 99% ในโลก ล้วนอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ระดับมลพิษทางอากาศ สูงกำเนิดกว่าข้อเสนอแนะขององค์การอนามัยโลก”

คิดเรื่องโรคมะเร็งเสียใหม่

คำตอบของการทดลองนี้ ยังทำให้เห็นว่า การกลายพันธุ์ในเซลล์เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ปัจจัยนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งเสมอไป แต่อาจมีปัจจัยอื่นเสริมด้วย

ศ.จ. สแวนตัน ระบุว่า การศึกษาและทำการค้นพบที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในห้องทดลองเป็น“แนวคิดการเกิดเนื้องอกที่จะต้องหันกลับมาทบทวนเสียใหม่” และนี่บางทีอาจนำไปสู่ “สมัยใหม่” ของการคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็งในระดับโมเลกุล เป็นต้นว่า แนวคิดที่ว่าถ้าเกิดคุณอยู่ในสถานที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง คุณอาจทานยาต่อต้านโรคมะเร็งได้ เพื่อลดการเสี่ยง

ศ.จ. สแวนตัน บอกกับบีบีซีว่า เราบางทีอาจจะต้องพิจารณาถึงวิธีการที่ว่า การสูบบุหรี่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ด้วย และที่แท้ แนวคิดที่ว่า ดีเอ็นเอกลายพันธุ์นั้นไม่พอที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากว่าจะต้องมีปัจจัยอื่นกระตุ้นให้เซลล์ของโรคมะเร็งเติบโต มีการนำเสนอมาตั้งแต่ปี 1947 แล้ว โดย ไอแซค เบเรนบลูม

อย่างไรก็ดี มิเชลล์ มิตเชลล์ ผู้อำนวยการหน่วยงานวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร ย้ำว่า ตอนนี้ “บุหรี่ยังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปอด” แต่ “วิทยาศาสตร์ อาศัยการทำงานอย่างหนักนับเป็นเวลาหลายปี และกำลังเปลี่ยนแปลงแนวคิดว่าโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้เช่นไร และในขณะนี้ เรามีความรู้ถึงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้กำเนิดโรคมะเร็งได้มากขึ้นแล้ว”

แล้วมะเร็งปอดพบเห็นได้มากมากแค่ไหน สโมสรอเมริกันแคนเซอร์ ระบุว่า มะเร็งปอดทั้งแบบจำพวกเซลล์เล็ก และจำพวกไม่ใช่เซลล์เล็ก เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา ช่วงเวลาที่ในผู้ชายนั้น โรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดคือมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนผู้หญิงนั้น จะเป็นมะเร็งเต้านม

ทางสโมสรประเมินว่า ปี 2022 พบคนป่วยมะเร็งปอดมากขึ้น 236,740 คน และเสียชีวิต 130,180 คน โดยคนป่วยมะเร็งปอดจำนวนมาก เป็นผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แม้กระนั้นก็มีโอกาส แม้จะน้อยมากๆที่ประชาชนอายุ ชต่ำยิ่งกว่า 45 ปี จะเป็นโรคมะเร็งปอด โดยอายุเฉลี่ยของคนป่วยมะเร็งปอดอยู่ที่ 70 ปี

มะเร็งปอดยังคิดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เกือบจะ 25% ของผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั้งหมด

สำหรับเมืองไทยนั้น นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ พูดว่า มะเร็งปอดเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดทั่วทั้งโลก สำหรับเมืองไทยโรคมะเร็งปอดถือเป็น 1 ใน 5 ของโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย ซึ่งพบบ่อยเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในผู้หญิง แต่ละปีจะมีคนป่วยรายใหม่ราว 17,222 ราย เป็นเพศชาย 10,766 ราย และผู้หญิง 6,456 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตราว 14,586 ราย หรือคิดเป็น 40 รายต่อวัน

สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอดเป็นการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันจากบุหรี่มือสองและการสัมผัสสารก่อโรคมะเร็ง เป็นต้นว่า ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย และมลภาวะที่เกิดขึ้นทางอากาศ โดยยิ่งไปกว่านั้นฝุ่นผงพีเอ็ม 2.5

การสูดสารเคมี