ฟันฮิปโป นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ข้อกำหนดที่เอาจริงเอาจังมากขึ้นต่อการลักลอบค้างาช้างได้ส่งผลให้เกิดการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสเพิ่มมากขึ้น โดยบางครั้งก็อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการลงบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สิ้นซาก” (vulnerable to extinction)
ในตอนที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านความสะดวกสัตว์ป่าได้ศึกษาเล่าเรียนความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
“เราพบการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสเยอะขึ้นในสหราชอาณาจักร”
ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้ แฟรงกี โอซูก ผู้นำการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน ก.ย. กล่าว
นี่คือ “หลักฐานที่น่ากังวลอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปโปเตมัสเพิ่มขึ้น ซึ่งจำนวนฮิปโปตามธรรมชาติก็เผชิญกับการคุกคามอยู่” รายงานระบุ
บรรดานักวิจัยระบุว่า รูปแบบนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989 ซึ่งทั้งโลกเห็นด้วยด้วยกันสำหรับการห้ามการค้างาช้างเป็นครั้งแรก และก็มีความเข้มงวดขึ้น เพราะรัฐบาลต่างๆได้นำมาตรการใหม่ๆมาใช้ในลัษณะของการห้าม
เหมือนกับงา ฟันและก็เขี้ยวของฮิปโปมักถูกใช้สำหรับเพื่อการแกะเพื่อนำไปประดับตกแต่ง แม้กระนั้นของพวกนั้นราคาถูกกว่า แล้วก็หามาถือครองได้ง่ายกว่า
ส่วนต่างๆของฮิปโปโปเตมัสยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญาเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าแล้วก็พืชป่าที่ใกล้จะสิ้นพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แม้กระนั้นวิธีขายในต่างชาติจะต้องมีใบอนุมัติการส่งออก
นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ความจำกัดที่ครัดเคร่งเพิ่มมากขึ้นต่อการลักลอบค้างาช้างได้ก่อให้เกิดการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสมากเพิ่มขึ้น โดยบางครั้งอาจจะทำให้เกิดผลเสียอย่างร้ายแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการขึ้นบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สิ้นซาก” (vulnerable to extinction)
ในตอนที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านความสะดวกและปลอดภัยสัตว์ป่าได้ศึกษาเล่าเรียนความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
“พวกเราเจอการค้าฟันฮิปโปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้” แฟรงกี โอซูก ผู้นำการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน กันยายน กล่าว
นี่คือ “หลักฐานที่น่าวิตกอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปมากขึ้น ซึ่งปริมาณฮิปโปโปเตมัสตามธรรมชาติก็เผชิญกับการคุกคามอยู่” รายงานกำหนด
บรรดานักวิจัยกล่าวว่า รูปแบบนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989
ซึ่งทั่วทั้งโลกเห็นดีเห็นชอบด้วยกันสำหรับการห้ามการค้างาช้างเป็นครั้งแรก รวมทั้งมีความเข้มงวดขึ้น เนื่องจากว่ารัฐบาลต่างๆได้เอามาตรการใหม่ๆมาใช้เพื่อการห้าม
เหมือนกับงาช้าง ฟันรวมทั้งเขี้ยวของฮิปโปโปเตมัสมักถูกใช้เพื่อสำหรับในการสลักเพื่อนำไปแต่งแต้มตกแต่ง แต่ของพวกนั้นราคาถูกกว่า รวมทั้งหามาครองได้ง่ายดายยิ่งกว่า
ส่วนต่างๆของฮิปโปโปเตมัสยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญาเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสิ้นซาก (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แต่ว่าแนวทางการขายในต่างประเทศควรจะมีเอกสารสิทธิ์การส่งออก
ชาติในแอฟริกากลางรวมทั้งตะวันตก 10 ชาตินี้ก็เลยได้เสนอหนทางที่เรียกว่า “ความคิดเห็นประกอบ” ซึ่งจะนำมาซึ่งการทำให้มีการกำหนดโควตาเป็นศูนย์ในการค้าตัวอย่างสัตว์ป่าเพื่อจุดหมายทางการค้า แต่ข้อเสนอแนะนี้ไม่ได้รับการผลักดันจากสหภาพยุโรป หรือจากชาติต่างๆในแอฟริกาใต้และตะวันออก ซึ่งกล่าวว่า ปริมาณประชากรฮิปโปยังคงอยู่ในระดับที่ดี
บางประเทศในแอฟริกาใต้รวมทั้งทิศตะวันออก ยกตัวอย่างเช่น แทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย และซิมบับเว ยังเป็นสาเหตุของฮิปโปราว 3 ใน 4 จากจำนวน 13,909 ตัว ที่ถูกนำส่วนประกอบแล้วก็ผลิตภัณฑ์ต่างๆจากฮิปโปโปเตมัสเหล่านี้ไปขายระหว่างปี 2009-2018
โจอันนา สวาเบ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสมาคมมนุษยธรรมนานาชาติ (Humane Society International) ชี้ว่า แทบไม่มีการดำเนินการใดๆตั้งแต่ปี 2016 เพื่อรักษาจำนวนฮิปโปโปเตมัส
“เกือบจะไม่มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับจำนวนประชากรที่จริงจริงของฮิปโปในประเทศต่างๆเหล่านี้เลย” เธอกล่าว
“ในตอนที่ในขณะเดียวกัน ประเทศเหล่านี้รู้ดีว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่กับฮิปโปภายในดินแดนของตน โดยเหตุนี้ พวกเขาไม่สมควรนิ่งเฉย”
ฮิปโปโปเตมัสมีอัตราการเกิดต่ำ โดยคลอดลูกเพียง 1 ตัวในแต่ละปี ด้วยเหตุนี้การมีปริมาณประชากรฮิปโปที่น้อยลงบางทีอาจก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้
ฟันฮิปโป ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฮิปโป
ฮิปโปทุกตัวอาศัยอยู่ในแอฟริกา โดยมี 2 ชนิดคือ ฮิปโปโปเตมัสธรรมดา (common hippo) ซึ่งคาดว่า มีประชากรราว 115,000-130,000 ในปี 2016 รวมทั้งฮิปโปโปเตมัสแคระ (pygmy hippo) ซึ่งมีประชากรราว 2,000-3,000 ตัว
ฮิปโปธรรมดาจัดอยู่ในจำพวก “มีแนวโน้มใกล้สิ้นซาก” ในบัญชีแดงของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติในปี 2016
มีการค้าชิ้นส่วนและสินค้าต่างๆของฮิปโปโปเตมัส 13,909 ตัว อย่างถูกตามกฎหมาย ระหว่างปี 2009-2018 โดย 3 ใน 4 ของฮิปโปเหล่านี้มีต้นกำเนิดอยู่ในแทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย แล้วก็ซิมบับเว
มีการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสอย่างถูกตามกฎหมายน้ำหนักรวม 770,000 กก. ระหว่างปี 1975-2017 แม้กระนั้นไม่ทราบจำนวนการค้าอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้ชำนาญด้านสัตว์ป่ากล่าวเหตุว่า ต้องสังเกตการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสในขณะที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างใกล้ชิด
ฮิปโปโปเตมัสธรรมดาถูกขึ้นบัญชีในภาคผนวกที่ 2 ของไซเตส ซึ่งมีความหมายว่า อาจจะสิ้นพันธุ์ได้ ถ้าเกิดไม่มีการควบคุมการค้าอย่างครัดเคร่ง
10 ประเทศดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งกำลังพยายามให้มีการห้ามการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสทั่วโลก ระบุว่า มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า “มีการปนเปกันระหว่างฟันฮิปโปโปเตมัสผิดกฎหมายและก็ถูกต้องตามกฎหมาย” ทำให้ฟันฮิปโปที่ถูกลักลอบล่า “ถูกนำไปฟอกเพื่อนำไปขายในตลาดถูกตามกฎหมาย”
หากไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดเยอะขึ้นเรื่อยๆ นักเคลื่อนไหวเตือนว่า ฮิปโปโปเตมัสอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีชะตากรรมเหมือนกับช้าง ซึ่งกลายเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (endangered) หรือใกล้สิ้นพันธุ์อย่างยิ่ง (critically endangered) ในกรณีของช้างป่าแอฟริกา เนื่องจากว่าผู้ลักลอบล่าสัตว์ได้ฆ่าช้างป่าเหล่านี้จำนวนมากเพื่อเอางาของพวกมัน
ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC